วานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าบอน พัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดีมีอุบัติเหตุรถยนต์เก่งเสียหลัก ชนต้นไม้ริมทางทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยเหตุเกิดบนถนนสายเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ พัทลุง –หาดใหญ่ ท้องที่ ม.3 ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพัทลุง ในที่เกิดเหตุตรงร่องกลางถนนเจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งยีห้อโตโยต้ารุ่นยารีส สีส้ม หมายเลขทะเบียนกธ.5830 กระบี่ สภาพด้านหน้าพังเสียหาย พบผู้ได้รับบาดเจ็บรวม7 ราย เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ ทั้งหมด แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บทนพาบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิต2 ราย เป็นเด็ก1 ราย
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว
ได้ขับมาจากจังหวัดกระบี่ มุ่งหน้า จังหวัดสงขลา เพื่อไปเยี่ยมญาติ ในเรือนจำจังหวัดสงขลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ริมทางจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุให้แน่ชัดอีกรั้ง
เก๋งตำรวจทางหลวงพิษณุโลก ประสานงากระบะอย่างจังๆ ดับ 2 เมื่อเวลาประมาณ 09.50 น. วันนี้ (16 พ.ค.62) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตำรวจทางหลวง ชนประสานงากับรถยนต์กระบะ ที่บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 1295 หลักกิโลเมตร ที่ 2+250 อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
ที่เกิดเหตุพบซากรถยนต์ตำรวจทางหลวงหมายเลข 5105 อยู่ในสภาพส่วนหน้าพังยับ พบร่างผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นตำรวจ 1 นาย ทราบชื่อ พ.ต.อ.อาคม ช้างพรายแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เสียชีวิตอยู่ภายในรถตำรวจทางหลวง ข้างกันพบรถยนต์กระบะสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่ในสภาพด้านหน้าพังเช่นกัน และพบศพนางบังอร เศษแสง อายุ 53 ปี เสียชีวิตอยู่ในรถกระบะ นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย และชายคนขับรถกระบะอีก 1 คน ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“วีระ สมความคิด” อดีตแกนนำกลุ่มเสื้อเหลืองโพสต์ “นปช.ไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง” “วีระ สมความคิด” อดีตแกนนำกลุ่มเสื้อเหลืองโพสต์ลิงก์ข่าวคำพิพากษาศาลฎีกา “นปช.ไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง” ตั้งข้อสงสัย “ผู้ที่น่าสงสัยที่สุดคือพวกที่เข้าไปควบคุมพื้นที่ดังกล่าว” : ข่าวการเมือง
วันที่ 16 พ.ค. จากกรณีศาลฎีกามีคำพิพาษาให้บริษัทประกันชดใช้ค่าเสียหายกรณีเพลิงไหม้อาคาร ด้วยอธิบายว่าไม่ใช่การก่อการร้าย และไม่มีหลักฐานเพียงพอกล่าวหาว่า “กลุ่ม นปช” เป็นผู้ลงมือ ข้อความคำวินิจฉัยตอนหนึ่งระบุว่า ” ขณะที่ทางนำสืบของคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเหตุเพลิงไหม้อาคารเกิดขึ้นตอน 15.00 น. ภายหลังแกนนำประกาศยุติชุมนุมตอน 13.00 น. ตลอดจนผู้ก่อเหตุทุบทำลายและเผาอาคาร ก็มีประมาณ 10 คน ทั้งเป็นกลุ่มบุคคลที่ปิดบังอำพรางใบหน้า และกลุ่มที่ทำในลักษณะมีเจตนาก่อเหตุร้ายแล้วหลบหนีไปทันที
โดยไม่มีประชาชนอื่นใดร่วมกระทำการ พยานหลักฐานของจำเลยทั้ง6ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังว่าเหตุเพลิงไหม้ตามฟ้องเป็นผลมาจากการก่อความไม่สงบของประชาชนที่ลุกฮือต่อต้านรัฐบาล และเป็นการก่อการร้ายเพื่อหวังผลทางการเมืองตามข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งหก ดังนั้นจำเลยทั้ง6จึงไม่อาจอ้างข้อยกเว้นความรับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน”
คืบหน้าล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายวีระ สมความคิด ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กพร้อมลิงก์ข่าวเกี่ยวกับข่าวข้างต้น โดยเนื้อความระบุว่า “นปช.ไม่ได้เผา ผู้ที่น่าสงสัยที่สุดคือพวกที่เข้าไปควบคุมพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้ ต้องไปอ่านในคำพิพากษาฎีกาก็จะทราบ
เผาเพื่อโยนความผิดให้พวก นปช. คนที่ทำต้องการสร้างสถานการณ์ให้ดูเลวร้าย เพื่อสร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกขึ้นในบ้านในเมือง คนไทยด้วยกันแท้ๆ แต่ทำกันได้ถึงเพียงนี้ เพียงต้องการทำร้ายทำลายเขาให้ได้ เพื่อแย่งอำนาจมา สามารถทำได้ทุกอย่าง แม้จะต้องเผาบ้านเผาเมือง”
วันนี้ 2 ผัวเมีย “ตายายเก็บเห็ด” ได้รับพระราชทานอภัยโทษ
วันที่ 16 พ.ค.นี้ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ ได้ปล่อยตัวผู้ที่ได้รับการอภัยโทษ หนึ่งในนั้นคือ นายอุดม ศิริสอน อายุ 54 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 51 ปี สองสามีภรรยาซึ่งถูกเรียกขานกันในนาม “ตายายเก็บเห็ด” ซึ่งเป็นคดีดังเมื่อปี 2553
สำหรับคดีความ ทั้งสองผัวเมียถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมในข้อหาร่วมกันบุกรุกแผ้วถาง ก่อสร้าง ทำไม้ ยึดถือครอบครอง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงแนง ตั้งแต่ปี 2553
ปี 2560 เรื่องถึงศาลฎีกา ได้ตัดสินจำคุก นายอุดม และ นางแดง ศิริสอน ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงระแนง คนละ 5 ปี ในคดีบุกรุกแผ้วถางป่าไม้และทำประโยชน์ในป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ตัดโค่นไม้สัก ไม้กระยาเลย ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามกว่า 700 ต้น แปรรูปกว่า 1,148 ท่อน ทั้งสั่งเรียกเก็บค่าเสียหายต่อรัฐจากจำเลยทั้ง 2 ดังกล่าว 2,521,055 บาท
สำหรับพื้นที่ในการฝึก จะฝึกในพื้นที่ทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีความลึกน้ำที่เหมาะกับการฝึกของเรือดำน้ำโดยเรือดำน้ำ สามารถซ่อนพรางจากการตรวจจับ ซึ่งจะทำให้หน่วยค้นหา และ ปราบเรือดำน้ำได้มีโอกาสใช้ความรู้และประสบการณ์ในการฝึกกับเรือดำน้ำจริง
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกครั้งนี้จะทำให้กำลังพลของกองทัพเรือมีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนการ ปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง เรือกับเรือ และ เรือกับอากาศยาน ในการปราบเรือดำน้ำ ซึ่งโอกาสที่จะฝึกกับเรือดำน้ำจริงนั้นหาได้ยาก จึงจะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือเป็นอย่างมาก